Martingale เป็นแนวคิดจากฝรั่งเศส ที่เดิมใช้ในวงการคาสิโน โดยเฉพาะพวกเกมเสี่ยงดวงอย่างรูเล็ต แบล็กแจ็ก ซึ่งหลักการของมันง่ายมาก คือ…

“แทงเสียแล้วทบเงินเดิมพันเป็นสองเท่าในรอบต่อไป เพื่อให้พอชนะแล้วได้กำไรคืนทั้งหมดพร้อมกำไรนิดหน่อย”

ตัวอย่างเช่น ถ้ารอบแรกแทง 100 แล้วแพ้ รอบต่อไปก็แทง 200 ถ้ายังแพ้อีก รอบต่อไปก็แทง 400 พอชนะรอบใดรอบหนึ่ง เงินที่เสียไปทั้งหมดจะได้คืน แล้วมีกำไรเท่าเดิมพันรอบแรก

เอามาใช้กับการแทงบอลยังไง?

สำหรับสายแทงบอล เราสามารถเอาหลักการนี้มาใช้กับการ “ทบเงินเดิมพัน” ถ้าแทงเสีย โดยส่วนมากจะใช้กับบิลเดี่ยว (บอลเต็ง) เช่น

• แทงทีม A 100 บาท แพ้
• รอบต่อไป แทงทีม B 200 บาท (ทบ 2 เท่า) แพ้อีก
• แทงทีม C 400 บาท (ทบอีก)
• จนกว่าจะชนะแล้วได้เงินกลับมาพร้อมกำไร 100 บาท (จากยอดเดิมพันแรก)

ฟังแล้วเหมือนง่ายใช่มั้ย? แต่มันมีข้อดีข้อเสียของมันอยู่นะ เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังต่อ

✅จุดเด่นของสูตร Martingale

1.ได้คืนแน่ถ้ามีทุนพอ

จุดแข็งสุดของ Martingale คือ ถ้าคุณมีทุนมากพอที่จะทบต่อไปเรื่อย ๆ ยังไงก็ได้ทุนคืนแน่ ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ ขอแค่ชนะสักครั้งก็เอาคืนหมดเลย

2.ไม่ต้องเดาถูกทุกคู่

ไม่เหมือนกับสูตรอื่นที่ต้องวิเคราะห์เป๊ะ ๆ Martingale เน้น “ความน่าจะเป็น” ว่าจะไม่มีทางเสียติดต่อกันหลายครั้งเกินไป

3.ใช้ควบคู่กับสูตรวิเคราะห์อื่นได้

คุณสามารถใช้สูตร Martingale ร่วมกับการวิเคราะห์ทีม ฟอร์ม หรือสถิติได้ เพื่อเพิ่มโอกาสชนะในแต่ละรอบ ไม่ต้องแทงแบบสุ่มอย่างเดียว

❌ข้อเสียของสูตร Martingale

1.ต้องใช้ทุนเยอะมาก

ถ้าคุณเสียติดกันหลายรอบ เช่น 5-6 ครั้งติดกัน เงินที่ต้องทบจะเยอะมาก
ตัวอย่าง:

• แทงรอบแรก 100
• แพ้ → 200
• แพ้ → 400
• แพ้ → 800
• แพ้ → 1,600

รวมแล้วเสียไป 3,100 บาท เพื่อหวังได้กำไรแค่ 100 บาทในรอบสุดท้าย

2.เจอเพดานเว็บบล็อก

บางเว็บมีเพดานการเดิมพันสูงสุด ถ้าแทงไปถึงจุดนั้นแล้ว ยังไม่ชนะ ก็จะทบต่อไม่ได้แล้วจบเลย แนะนำว่าให้เริ่มต้นน้อยๆอย่างเงินเดิมพันขั้นต่ำสุด 10-100 บาท ในการใช้สูตรทบนี้ แม้จะได้กำไรน้อยและช้า แต่ว่ามั่นคงในระยะยาว

3.ความกดดันสูง

จิตใจต้องแข็ง เพราะยิ่งเสีย ยิ่งต้องลงหนักขึ้น บางคนพลาดเพราะความเครียดแล้วไปตัดสินใจผิดตอนเดิมพันรอบใหญ่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องลงเดิมพันตามแผนที่วางไว้เท่านั้น